“แนวทางปฎิบัติในการดำเนินการวิจัยในมนุษย์
ด้านพฤติกรรมศาสตร์
สังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์
มีดังต่อไปนี้
ข้อ 1
“การวิจัยในมนุษย์” หมายความว่า
กระบวนการศึกษาที่ออกแบบอย่างเป็นระบบและหาข้อสรุปในลักษณะที่เป็นความรู้ที่นำไปใช้ได้ทั่วไปในมนุษย์หรือที่เกี่ยวข้องกับมนุษย์
โดยกระทำต่อร่างกาย จิตใจ เซลล์ ส่วนประกอบของเซลล์ สารพันธุรกรรม สิ่งส่งตรวจ
สารคัดหลั่ง
และจากข้อมูลที่บันทึกในเวรระเบียนหรือข้อมูลด้านสุขภาพของผู้รับวิจัย เพื่อให้ได้มาซึ่งความรู้ด้านชีวเวชศาสตร์ ด้านการสาธารณสุข ด้านวิทยาศาสตร์สุขภาพ หรือด้านพฤติกรรมศาสตร์ สังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์
บรรดาที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพและให้หมายความรวมถึงการวิจัยที่เกี่ยวข้องกับผู้ที่เสียชีวิตแล้วด้วย แต่ทั้งนี้ไม่รวมถึงการสอบสวนโรคโดยผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม
ด้านการแพทย์ การสาธารณสุข และกาวิจัยที่ได้รับการยกเว้นตามแนวทางนี้
“ความเปราะบาง” หมายความว่า
ภาวะของบุคคลซึ่งอาจถูกชักจูงให้เข้าร่วมการวิจัยในมนุษย์ได้โดยง่ายด้วยความหวังว่าจะได้รับประโยชน์จากการเข้าร่วมการวิจัยไม่ว่าจะสมเหตุสมผลหรือไม่ก็ตาม
หรืออาจตอบตกลงเข้าร่วมการวิจัยในมนุษย์เพราะเกรงกลัวว่าจะถูกกลั่นแกล้งจากผุ้มีอำนาจเหนือกกว่าหากปฎิเสธ หรือไม่สามารถตัดสินใจ เลือก หรือแสดงออกได้โดยอิสระ หรือไม่สามารถปกป้องตนเองได้อย่างเต็มที่ หรือไม่สามารถให้ความยินยอมด้วยตนเองได้โดยอิสระ
“ผู้รับการวิจัย” หมายความว่า
บุคคลซึ่งสมัครใจหรือยินยอมเข้ารับการวิจัยในมมนุษย์
และให้หมายความรวมถึงผุ้ที่เสียชีวิตแล้วด้วย
“ผู้วิจัย” หมายความว่า
บุคคลหรือคณะบุคคลซึ่งทำการวิจัยในมนุษย์
“ผู้จัดให้มีการวิจัย” หมายความว่า
บุคคล คณะบุคคล หรือองค์กรซึ่งเป็นผู้ริเริ่มจัดการหรือให้ทุนสนับสนุนโครงการวิจัยในมนุษย์
“สถาบัน” หมายความว่า
หน่วยงานหรือองค์กรที่ดำเนินการโครงการวิจัยในมนุษย์
ข้อ 2
1)
โครงการวิจัยที่กระทำต่อมนุษย์ไม่ว่ากระทำต่อร่างกาย จิตใจ เซลล์
ส่วนประกอบของเซลล์ สารพันูกรรม สิ่งส่งตรวจ
เนื้อเยื่อ หรือสารคัดหลั่งของบุคคล
2) โครงการทดลองทางพฤติกรรมศาสตร์
จิตวิทยา หรือศาสตร์อื่นเพื่อสังเกตพฤติกรรมของผู้รับการวิจัย
แต่มิให้หมายความรวมถึงการสังเกตพฤติกรรมในชุมชนหรือในสังคมเป็นการทั่วไปโดยวิธีการเก็บข้อมูลนั้นไม่สามารถระบุตัวบุคคลได้ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม
3)
โครงการวิจัยข้อมูลที่บันทึกเวชระเบียน
หรือข้อมูลด้านสุขภาพเกี่ยวกับบุคคลซึ่งสามารถระบุตัวบุคคลนั้นได้ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม
4)
โครงการวิจัยที่ทำในผู้รับการวิจัยที่มีความเปราะบางหรือเป็นผู้เยาวว์ที่มีอายุต่ำกว่าสิบแปดปีบริบูรณ์
5) โครงการวิจัยที่ศึกษาการบังคับใช้กฎหมายหากข้อมูลรั่วไหลผู้รับการวิจัยอาจถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย
6)
โครงการวิจัยที่อาจมีผลกระทบต่อชื่อเสียงของผู้รับการวิจัย
7)
โครงการวิจัยที่อาจส่งผลให้ผู้รับการวิจัยถูกเลิกจ้าง
เสียสิทธิหรือผลประโยชน์บางประการหรือกระทบต่อสถานภาพการเงินหรือสถานภาพทางสังคมหรือครอบครัวของผู้รับการวิจัย
8) โครงการวิจัยอื่นที่ กสว.ประกาศ
ข้อ 3
1)
โครงการวิจัยซึ่งมิได้กระทำต่อร่างกาย จิตใจ เซลล์ ส่วนประกอบของเซลล์
สารพันธุกรรม สิ่งส่งตรวจ เนื้อเยื่อ สารคัดหลั่งของบุคคล
2) โครงการวิจัยข้อมูลที่บันทึกในเวชระเบียนหรือข้อมูลด้านสุขภาพของผู้รับการวิจัย
บรรดาซึ่งเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวบุคคลได้ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม
3) โครงการวิจัยที่ออกแบบสอบถาม
สัมภาษณ์หรือสังเกตผู้รับการวิจัยซึ่งมิได้กระทำต่อหรือมีผลต่อร่างกาย จิตใจ เซลล์
ส่วนประกอบของเซลล์ สารพันธุกรรม สิ่งส่งตรวจ
เนื้อเยื่อ สารคัดหลั่ง สุขภาพหรือพฤติกรรม ทั้งนี้
ซึ่งไม่สามารถระบุตัวบุคคลได้ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม
4) โครงการวิจัยเกี่ยวกับการทดสอบคุณภาพ
รชชาติอาหาร
หรือการยอมรับของผู้บริโภคหากอาหารนั้นไม่มีสิ่งเจือปนของสารปรุ่งแต่ที่ไม่ได้รับการรับรองตามกฎหมายหรืออาหารนั้นไม่มีสารอันตรายเกินระดับความปลอดภัยตามเกณฑ์ของสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา
5)
โครงการวิจัยซึ่งมีการสังเกตพฤติกรรมในชุมชนหรือในสังคมเป็นการทั่วไปโดยวิธีการเก็บข้อมูลนั้นไม่สามารถระบุตัวบุคคลได้ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม
6)
โครงการวิจัยที่เกี่ยวกับกระบวนการเรียนการสอนหรือการประเมินผลการเรียนการสอนซึ่งไม่สามารถระบุตัวบุคคลได้ม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม
7) โครงการวิจัยอื่นที่ กสว.
ประกาศกำหนด
ข้อ 4
การวิจัยที่กระทำในบุคคลที่มีความเปราะบางหรือผู้เยาว์ที่มีอายุต่ำกว่าสิบแปดบีบริบูรณ์
ต้องขอความยินยอมจากผู้แทนโดยชอบะรรม
ผู้อนุบาลหรือผู้พิทักษ์ของผู้นั้นตามกฎหมายและตามหลักเกณฑ์ที่ กสว. ประกาศกำหนด
ข้อ 5
การวิจัยที่กระทำเกี่ยวกับผู้เสียชีวิตจะต้องได้รับความยินยอมจากผุ้จัดการมรดกหรือทายาท
และห้ามมิให้กระทำการวิจัยดังกล่าวหากขัดกับเจตนาที่ได้ทำเป็นหนังสือของผุ้เสียนั้น
ข้อ 6
การวิจัยในมนุษย์ตามแนวทางนี้ต้องดำเนินการให้ชอบด้วยกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
กฎหมายว่าด้วยข้อมูลข่าวสารของราชการและกฎหมายอื่น
ข้อ 7
ให้ผู้อำนวยการสำนักงานการวิจัยแห่งชาติเป็นผู้รักษาการตามแนวทางนี้